วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2552

พระคเนศ (พระพิฆเนศวร)




พระคเนศ (พระพิฆเนศวร)

พระโอรสของพระศิวะ(พระอิศวร)กับพระนางอุมา เป็นเทพแห่งปราชญ์ ความรอบรู้ต่างๆ และความบันเทิง พระศิวะ(พระอิศวร) กับพระนางอุมา ซึ่งได้ทรงขอมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก พระพิฆเนศวร หรือ พระพิฆเณศร์ ท่านมีพระวรกายเป็นสีแดง มี 4 กร ทรงถือเทพศาสตราที่องค์พระอิศวรประทานมาให้ครบทุกพระกร รูปร่างอ้วนเตี้ยเหมือนมนุษย์ มีเศียรเป็นช้าง พาหนะที่องค์พระพิฆเนศวรทรงใช้ คือ หนู และมีหนูเป็นทั้งบริวาร ตามจริงแล้ว พระพิฆเนศวรเป็นโอรสที่แท้จริงขององค์พระลักษมีกับองค์พระนารายณ์ เมื่อสมัยที่พระอุมายังไม่มีพระโอรสและทรงได้เสด็จไปเยี่ยมพระลักษมีและพระนารายณ์ เมื่อพระอุมาเทวีทรงเห็นพระพิฆเนศวรมีรูปร่างหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู เลยทรงขอมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ต่อมาพระอิศวรได้ประทานพระนามให้ว่าพระพิฆเนศวร พระอิศวรและพระอุมาเทวีทรงให้ความรักอบรมวิชาความรู้วิชาอาคมต่างๆ ให้ มีความเก่งกล้าสามารถเป็นที่รู้จักกันไปทั่วทั้งสามภพนี้ว่า พระพิฆเนศวรเป็นพระโอรสของพระอิศวรและพระอุมาเทวี เป็นเรื่องราวของพระพิฆเนศวรที่มีในบางตำรา และยังมีอีกหลายตำราที่กล่าวถึงการกำเนิด พระพิฆเนศวรซึ่งมีเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป
เราจะมากล่าวถึงการกำเนิด พระพิฆเนศวรจากพระคัมภีร์ศิวปุราณะ ซึ่งกล่าวไว้ดังนี้ ทรงมีพระพักตร์เป็นช้าง และทรงมีพระบาทเหมือนดอกบัว อาหารที่พระองค์ทรงชอบ คือ ผลมะขวิดและลูกหว้า เหล่าหมู่ภูตทั้งหลาย คอยถวายการรับใช้ในพระองค์ท่าน พระพิฆเนศวรผู้ทรงทำลายความทุกข์โศก ทรงมีอำนาจเหนืออุปสรรคเป็นเทพแห่งความสำเร็จ ชาวอินเดียส่วนมากจะรู้จักพระองค์ใน พระนามว่า คเณศ แปลว่า นายของหมู่คณะเป็นบริวารรับใช้ของพระศิวะ และ พระนามที่สำคัญ คือ พระพิฆเนศวร หมายถึง เทพเจ้าผู้มีอำนาจเหนืออุปสรรค
การกำเนิดพระคเณศ เมื่อครั้งพระปารวตีซึ่งเป็นชายาของพระศิวะ ขณะนั้นได้ทรงสรงน้ำ พระศิวะได้เสด็จมายังที่ประทับของพระนางปารวตีพอดี ซึ่งเป็นเวลาอันไม่สมควร พระนางได้ทรงคิดสร้างคนรับใช้ไว้คอยเฝ้าดูแลพระองค์เองทุกเวลา เมื่อคิดดังนั้นพระนางทรงใช้ขี้ไคลจากสรีระสร้างบุคคลที่มีความเก่งกล้า มีความสามารถเพียบพร้อมไปด้วยลักษณะที่ดี มีรูปร่างใหญ่สง่างาม และได้มอบกระบองไว้เป็นอาวุธพร้อมเครื่องประดับต่างๆ พระนางทรงถือว่าเป็นพระโอรสพระองค์หนึ่ง เพราะได้สร้างขึ้นมาจากพระองค์เอง พระนางปารวตีได้สั่งการให้ทำหน้าที่คอยเฝ้าประตูห้ามใครเข้าไปพบพระนางเด็ดขาด หากพระนางไม่ได้อนุญาต เมื่อในขณะนั้นพระศิวะได้ทรงเสด็จมาถึงและมีความประสงค์จะเสด็จเข้าไปข้างใน พระนางปารวตีกำลังสรงน้ำอยู่ พระโอรสพระนางปารวตีไม่รู้จักพระศิวะ ได้ใช้กระบองตีขับไล่พระศิวะให้ออกไปจากที่นั้น ถึงแม้ว่าพระศิวจะบอกกล่าวว่าพระองค์เป็นพระสวามีของพระนางปารวตี ก็มิได้ฟังเลย ยังได้ใช้กระบองไล่ตีไม่ยอมหยุด พระศิวะทรงพระพิโรธจึงให้พวกเหล่าคณะสอบถามว่าเด็กคนนี้เป็นใคร เมื่อพวกเหล่าคณะถาม พระโอรสของพระนางปารวตีทรงเล่าความเป็นมาของตนเองทั้งหมด แม้พวกเหล่าคณะจะขอให้หลีกทางออกจากประตูไปพระโอรสก็มิทรงยอม แถมยังด่าว่า พวกเหล่าคณะ พวกเหล่าคณะจึงได้กลับไปทูลพระศิวะ เมื่อได้ยินดังนั้น พระองค์ยิ่งทรงพระพิโรธ จึงสั่งให้พวกคณะใช้กำลังขับไล่พระโอรสของพระนางปารวตีออกไป เมื่อพวกเหล่าคณะของพระศิวะและพระโอรสของพระนางปารวตีได้เกิดโต้เถียงท้าทายกันเสียงดังไปถึงพระกรรณของพระนางปารวตี พระนางได้สั่งให้เหล่าบริวารไปดูว่าเกิดอะไร เมื่อทราบเรื่องพระนางจึงสั่งให้พระโอรสป้องกันไม่ให้พวกเหล่าคณะเข้ามาข้างในได้ หลังจากที่ตกลงกันด้วยสันติไม่เกิดผล การต่อสู้กันจึงเกิดขึ้น แต่เหล่าคณะสู้ไม่ได้จึงได้หนีกลับไปหาพระศิวะ
พระศิวะจึงทรงสั่งการให้พวกเหล่าเทวดาที่มีพระอินทร์เป็นหัวหน้าอีกทั้งพระสกันทะเป็นแม่ทัพของพวกเหล่าเทวดาให้ไปสู้รบกับพระโอรสของพระนางปารวตี พระนางปราวตีได้สร้างศักติขึ้นมา 2 พระองค์ คือ เทพสตรีทรงมีพลังอำนาจมาก เพื่อมาช่วยพระโอรสของพระนางในการสู้รบ เมื่อพวกเหล่าเทวดาและหมู่เหล่าคณะแพ้พ่ายต่อพระโอรสและศักติทั้ง 2 พระองค์ เหล่าเทวดาและหมู่เหล่าคณะจึงได้มากราบทูลขอให้พระศิวะสังหารพระโอรสของพระนางปราวตี พระศิวะได้ทรงขอความร่วมมือจากพระวิษณุในการสังหารพระโอรสของพระนางปราวตี พระวิษณุทรงได้ใช้อุบายกลลวง พระศิวะจึงสามารถใช้ตรีศูลตัดเศียรพระโอรสของพระนางปารวตี พระนางทรงพิโรธเมื่อเห็นพระโอรสถูกสังหาร ได้ทรงสร้างเหล่าศักติขึ้นมานับร้อยๆ องค์ เพื่อมาสังหารเหล่าเทวดาและหมู่เหล่าคณะ เมื่อเหล่าเทวดาและหมู่เหล่าคณะรู้สึกถึงว่าพระนางปราวตีกำลังจะทำให้เกิดยุคประลัยเกิดขึ้น จึงได้ปรึกษากันและลงความเห็นว่าต้องทำให้พระนางปารวตีหายพิโรธให้ได้
พระศิวะได้สั่งการให้เหล่าเทวดาเดินทางไปทิศเหนือ เมื่อพบบุคคลแรกก็ให้ตัดศีรษะของคนนั้นมาสรวมแทนศีรษะของพระโอรส เหล่าเทวดาได้ทำตามพระบัญชา ได้เดินทางไปทิศเหนือได้พบช้างมีงาเดียวจึงได้ตัดศีรษะช้างมาสรวมแทนที่ศีรษะของพระโอรสของพระนางปารวตี ต่อจากนั้นพระศิวะได้ชุบชีวิตให้พระโอรสและพาไปพบพระนางปารวตี พระนางทรงดีพระทัยมากได้ประทานพร ให้แก่พระโอรส คือ ความสำเร็จและต้องได้รับการบูชาก่อนองค์เทพองค์อื่นๆ พระศิวะได้รับพระโอรสของพระนางปารวตีเป็นพระโอรสของพระองค์ด้วยแล้วประทานพรให้เป็นผู้ขจัดอุปสรรคทั้งปวงและให้เป็นเทพต้องได้รับการบูชาก่อนเทพองค์อื่น ถ้าหากบูชาเทพองค์อื่นก่อนไม่ว่าในพีธีใดๆ พิธีนั้น จะไม่สามารถมีผลอะไรทั้งสิ้น เมื่อประทานพรแล้ว พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหมาและเทพองค์อื่นๆ ได้บูชาพระโอรส จากนั้นพระศิวะได้แต่งตั้งให้พระโอรสเป็นหัวหน้าหมู่เหล่าคณะ เพราะด้วยพระโอรสเกิดในวันแรม 4 ค่ำ เดือนภาทรฺ คือ เดือน 9 ได้คาบเกี่ยวระหว่างเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายน การทำพิธีบูชาพระคเณศ ในการบูชาที่จะให้เกิดผลสำเร็จได้ทุกอย่าง จะต้องเริ่มบูชาที่วันนี้ และในวันนี้ถือได้ว่าเป็นวันสำคัญทางพระศาสนาของชาวฮนดู เรียกว่า คเณศจตุรถี ก็เป็นอีกพระคัมภีร์หนึ่งในตำนานได้ยกเป็นตัวอย่างมาให้ท่านได้ศึกษาและยังมีบทสวดบูชาพระคเณศเพื่อบูชากันได้เป็นประจำทุกวัน ดังนี้
บทสวดบูชาพระคเณศ
ปฺราตะ สฺมรามิ คณนาถมนาถพนฺธํ สินฺทูร ปูร ปริโศภิต คณฺฑ ยุคฺมมฺ อุทฺทณฺฑ วิฆฺน ปริขณฺฑน จณุฑทณฺฑ มาขณฺฑลาทิ สุรยายก วฺฤนฺท วนฺทฺยมฺ
(ในตอนเช้า) ข้าพเจ้าระลึกถึงพระคเณศ ผู้เป็นญาติของคนไร้ที่พึ่ง ผู้มีผงสินทูระสีแดงทาไว้ที่แก้มทั้งสองข้าง ผู้ใช้การลงทัณฑ์อย่างโหดเหี้ยม คือ ใช้กระบองที่ยกขึ้นสูงบดขยี้อุปสรรคทั้งหลาย ผู้ที่หมู่เทพเทวดา พระอินทร์ ก็ต้องกราบไหว้บูชา
ปฺราตรฺ นมามิ จตุรานน วนฺทฺยมาน มิจฺฉานุกูลมขิลํ จ วรํ ททานมฺ ตุนฺทิลํ ทุวิรสนาธิป ยชฺญ สูตฺรํ ปุตฺรํ วิลาสจตุรํ ศิวโยะ ศิวาย (ในตอนเช้า) บูชาเพื่อความปลอดโปรงจากภัยอันตรายทั้งหลาย ข้าพเจ้าไหว้บูชาพระคเณศโอรสของพระศิวะ และ พระปารวตี ที่พระพรหมต้องไหว้ ผู้เอื้ออำนวยชัยได้สิ่งที่ปรารถนา ผู้ประทานสิ่งที่ขอทุกอย่าง ผู้มีพระอุทรพลุ้ย มีพระยางูเป็นสายอุปวีตะ ผู้เชี่ยวชาญในการเล่นสนุก
ปฺราตรฺ ภชามฺยภยทํ ขลุ ภกฺตโศก ทาวานลํ คณวิภํ วรกุญฺชราสฺยมฺ อชฺญาน กานน วินาศน หฺวย วาห มุตฺสาห วรฺธนมหํ สุตมีศฺวรสฺย (ในตอนเช้า) ข้าพเจ้าไหว้พระคเณศ ผู้ประทานความไม่กลัว ซึ่งแท้จริงแล้ว คือ ไฟป่าที่เผาความทุกข์โศกของผู้เคารพนับถือพระองค์ ผู้เป็นนายของหมู่เหล่าคณะ ผู้มีพระพักตร์เป็นช้างที่งดงาม ผู้ที่เป็นไฟเผาป่า คือ ความไม่รู้จริงในสิ่งทั้งหลายในโลก ผู้เพิ่มความฮึกเหิมในใจให้แก่ผู้มีความเคารพนับถือผู้เป็นโอรสของพระศิวะ
โศฺลก ตฺรยมิทํ ปุณฺยํ สทา สามฺราชฺย ทายกมฺ ปฺราตรุตฺถาย สตตํ ยะ ปเฐตฺ ปฺรยตะ ปุมานฺ บทสวดมนต์อันศักดิ์สิทธิ์สามบทนี้ จะทำให้เกิดความสุขอย่างที่พระเจ้าจักรพรรดิได้รับ แก่ผู้สวดมนต์เสมอ ถ้าผู้ใดได้สำรวมจิตใจ แล้วสวด เป็นประจำทุกวันหลังจากลุกขึ้นในตอนเช้า จะทำให้เกิดความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น