วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เอสซีที เกาะกระแสราคาน้ำมันแพงรุกขยายธุรกิจใหม่

เอสซีที เกาะกระแสราคาน้ำมันแพงรุกขยายธุรกิจใหม่ จำหน่ายสินค้าเกี่ยวข้องพลังงานทางเลือก ทั้งระบบผลิตพลังงานลม-แสงแดด และผลิตน้ำมันจากถ่านหิน
นายกลินท์ สารสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด หรือ เอสซีที เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือก ซึ่งจะมีทั้งที่บริษัทดำเนินการเอง และร่วมลงทุนกับต่างประเทศ โดยบริษัทเตรียมจะเปิดตัวสินค้าและทำตลาดในอีกสองเดือนข้างหน้า ซึ่งจะเน้นตลาดในประเทศเป็นหลัก เพราะสินค้าจะมีความหลากหลาย เช่น พลังงานลม แสงแดด และนำของเหลือใช้มาผลิตเชื้อเพลิง รวมถึงนำถ่านหินมาผลิตน้ำมันเพื่อทดแทนน้ำมันเตา โดยบริษัทจะดำเนินการจดลิขสิทธิ์สินค้าเหล่านี้
"ที่เราสนใจเป็นผู้จำหน่ายเทคโนโลยีและสินค้าพลังงานทางเลือกนั้น เนื่องจากราคาน้ำมันผันผวนต่อเนื่อง แม้จะลดลงช่วงปลายปี 2551 แต่ปีนี้ก็กลับมาสูงอีกครั้ง ขณะที่พลังงานทางเลือกมีศักยภาพและคุ้มค่าการลงทุน ณ ระดับราคาน้ำมันไม่ต่ำกว่า 70 ดอลลาร์เท่านั้น ขณะนี้สูงกว่านั้นแล้ว "
ส่วนธุรกิจนำเข้าถ่านหินเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมนั้น ก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ขยายตัวตามราคาน้ำมัน ขณะที่แหล่งถ่านหินในประเทศเริ่มหมดลง ปีนี้คาดว่าปริมาณจำหน่ายถ่านหินของบริษัทจะอยู่ที่ 2 ล้านตันเศษ สูงกว่าปี 2551 ที่ 1.8 ล้านตัน สาเหตุที่การใช้ถ่านหินในประเทศขยายตัวขึ้น เพราะโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งปรับระบบผลิต จากการใช้หม้อต้ม (Boiler) มาใช้ถ่านหิน และบางส่วนที่เคยหยุดใช้ถ่านหิน เพราะน้ำมันราคาถูกก็กลับมาใช้อีกครั้ง
นายกลินท์ กล่าวอีกว่า อีกธุรกิจหนึ่งที่บริษัทจะเปิดตัวในอีกสองเดือนข้างหน้าเช่นกัน คือ ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โดยจะเน้นตลาดในอาเซียนเป็นหลัก รวมทั้งสินค้าประเภทอาหาร ก็เป็นสินค้าอีกชนิดหนึ่งที่บริษัทจะให้ความสำคัญมากขึ้นเช่นกัน นอกจากนั้นบริษัทได้ปรับตัวด้วยการหันไปหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพแทนตลาดหลักเดิมที่สหรัฐ และยุโรป

ชาติก่อน




















วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับสู่ชัยชนะของมาเรีย ชาราโปวา





เคล็ดลับสู่ชัยชนะของมาเรีย ชาราโปวา

นักเทนนิสสาวคนนี้ “มาเรีย ชาราโปวา” เริ่มอาชีพหวดลูกสักหลาดของเธอเมื่ออายุได้ 15 ปีเท่านั้น ดังนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เธอจะรับมือกับตู่ต่อสู้ที่มีอายุมากกว่าเธอเกือบหนึ่งเท่า
นักเทนนิสสาวคนนี้ “มาเรีย ชาราโปวา” เริ่มอาชีพหวดลูกสักหลาดของเธอเมื่ออายุได้ 15 ปีเท่านั้น ดังนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เธอจะรับมือกับตู่ต่อสู้ที่มีอายุมากกว่าเธอเกือบหนึ่งเท่าและตัวใหญ่กว่าเธอเท่านึง แต่เธอก็ทำได้มาแล้ว และอีก 2 ปีต่อมาเธอก็คว้าแชมป์วิมเบิลดัน รายการแกรนด์ สแลม รายการแรกให้กับตัวเองพร้อมทั้งสร้างสถิติการเป็นแชมป์ที่อายุน้อยที่สุด
การที่เธอจะต้องฟาดฟันกับคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือและรูปร่างที่ไม่ธรรมดานี้ มาเรียจึงต้องพัฒนาร่างกายให้แข็งแกร่งเพื่อให้สามารถรับมือและยืนระยะในแมตช์การแข่งขันได้ ตามที่เธอบอกเอาไว้ว่า “ฉันชอบที่จะวิ่งตอนเช้า ซึ่งเป็นการเรียกเหงื่อเพื่อให้เหนื่อยก่อนที่จะฝึกซ้อมเทนนิส และมันก็เป็นความรู้สึกกับตอนที่ชั้นต้องเล่นในเซ็ตที่ 3 อีกอย่างมันก็เป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้ร่างกายของคุณตื่นตัวอย่างเต็มที่ ท้ายสุดก็คือเป็นการช่วยสร้างความอดทนทำให้ร่างกายของฉันพร้อมต่อการแข่งขันตลอดเวลาไม่ว่าจะเกมไหน ๆ ก็ตาม” และการวิ่งในตอนเช้านี้จะทำให้เธอกระปรี้กระเป่าไปตลอดวัน
บนคอร์ตเทนนิส มาเรีย ชาราโปวา ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเทนนิสที่ตีลูกขนานเส้นได้ดี และมีลูกเสิร์ฟและลูกตีสองมือแบ็คแฮนด์ที่รุนแรง เกมการเล่นของเธอก็เป็นไปในเชิงรุกมากกว่าที่จะรับ ถึงแม้ว่าความสูงของเธอจะสูงกว่านักเทนนิสหญิงทั่วไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความเร็วบนคอร์ตของเธอลดลงไปเลย เธอสามารถเข้าถึงลูกและอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องที่เธอจะมั่นใจว่าสามารถโต้ลูกกลับได้อย่างแม่นยำได้อย่างรวดเร็ว
“ฉันรู้ดีว่าฉันจะไม่ใช่นักเทนนิสที่เร็วที่สุด แต่ฉันก็รู้จักที่จะทดแทนตรงนั้นด้วยการโต้ตอบที่เร็ว ยิ่งรู้ว่าลูกจะมาในตำแหน่งไหนเร็วเท่าไหร่ ฉันก็สามารถไปอยู่ตรงนั้นได้เร็วยิ่งขึ้น การฝึกฝนเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายของเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไปถึงตำแหน่งที่ต้องการก่อนใคร”
บนเส้นทางสู่ปารีสนี้ เธอจะต้องพัฒนาการเล่นตั้งรับสำหรับคอร์ตดินของสนามโรลอง – การอสส์ นอกจากนั้นแล้วเธอยังจะต้องฝึกฝนร่างกายตัวเองให้แข็งแกร่งเพื่อเกมที่สุดแสนจะทรหดและยาวนานนี้ “เพราะเมื่อเธอเตรียมพร้อมล่วงหน้าถึงสิ่งที่จะต้องเจอ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นอีกเยอะเมื่อได้เจอมันจริงๆ” ตามที่เธอบอกเอาไว้
กว่าจะเป็น “มาเรีย ชาราโปวา” ในทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

ออกกำลังกายแบบ BODY COMBAT




ออกกำลังกายแบบ BODY COMBAT



บอดี้ คอมแบท (Body combat) เป็นชื่อเรียกการออกกำลังกายแบบแอโรบิคชุดนี้ ชื่อคอมแบทก็บอกอยู่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะแนวความคิดของท่าออกกำลังกายเป็นการบริหารแบบแอโรบิคที่ผสมผสานการเต้นกับเสียงเพลงจังหวะสนุกๆ
สำหรับคุณผู้หญิงที่กำลังมองหาวิธีการออกกำลังกายแบบใหม่ๆ ได้เผาผลาญแคลอรีด้วย HealthToday ขอนำเสนอรูปแบบการออกกำลังกายที่สนุกสนาน ใช้แรงกำลังดี แถมยังช่วยบริหารกล้ามเนื้อแทบทุกส่วนของร่างกายในคราวเดียวค่ะ
บอดี้ คอมแบท (Body combat) เป็นชื่อเรียกการออกกำลังกายแบบแอโรบิคชุดนี้ ชื่อคอมแบทก็บอกอยู่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะแนวความคิดของท่าออกกำลังกายเป็นการบริหารแบบแอโรบิคที่ผสมผสานการเต้นกับเสียงเพลงจังหวะสนุกๆ เข้ากับท่าทางการต่อสู้แบบตะวันออก ตั้งแต่ มวยไทย ไทชิ เทควันโด ยูโด และคาราเต้ ว่ากันว่าใครที่ได้ทดลองเต้นแอโรบิคแบบบอดี้คอมแบทแล้วมักจะติดใจ ถึงกับเมินท่าเต้นแอโรบิคแบบเดิมๆ ไปเลย เพราะนอกจากจังหวะเพลงจะเร้าใจ มีเสียงเอ็ฟเฟ็คส์ประกอบเพิ่มความฮึกเหิมแล้ว คนเต้นยังได้ออกท่า ออกเสียง ปลดปล่อยพลังตัวเองเต็มที่ด้วย ท่าทางที่เขาออกแบบมาให้ทำตามก็ชัดเจน แถมการออกท่าแต่ละท่ายังเป็นการบังคับให้คนเต้นได้บริหารกล้ามเนื้อร่างกายละส่วนไปด้วยในตัว
วัตถุประสงค์ของบอดี้คอมแบทคือ เปิดโอกาสให้เราได้บริหารทุกส่วนของร่างกาย ฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรง บริหารข้อต่อต่างๆ ให้คล่องตัว เผาผลาญพลังงานส่วนเกิน ทั้งยังบริหารการหายใจ ปอด และกล้ามเนื้อหัวใจด้วย นอกจากนี้การเคลื่อนไหวที่กระฉับกระเฉงยังช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่น นำมาสู่อารมณ์ที่ดี ปลอดโปร่ง ภายหลังสิ้นสุดเวลา 1 ชั่วโมงที่ออกกำลังกาย
บอดี้คอมแบทไม่ได้จำกัดตัวผู้เล่น ไม่ว่าใครทั้ง เด็ก หรือผู้ใหญ่ มาสนุกร่วมกันได้หมด โดยเฉพาะคุณผู้ชายที่เคยเหนียมอายหากต้องเต้นแอโรบิค คราวนี้ก็จะสนุกได้เต็มที่ แต่คนที่มีปัญหาเรื่องกระดูก หรือกำลังตั้งครรภ์อาจต้องระมัดระวังนึดหนึ่งอย่าเผลอกระโดดโลดเต้น หรือทำท่าที่ต้องออกแรงมากตามคนอื่น เท่านั้นเอง นอกนั้นจะยืดมือยกแขนชกลมไปมาทำได้หมด
ระหว่างเวลา 1 ชั่วโมง ผู้เล่นจะเต้นไปตามเพลงประมาณ 10 เพลง ตามท่าต่างๆ ซึ่งมีท่าหลักๆ อยู่เพียงไม่กี่ท่า ทำให้จำง่าย ใช้ซ้ำไปซ้ำมาตามจังหวะเพลง เพื่อบริหารร่างกายส่วนบนและส่วนล่างไปพร้อมๆ กัน
ท่าบริหารร่างกายส่วนบน เน้นแขน ไหล่ และลำตัวส่วนบน ได้แก่ การปล่อยหมัดแย้บ (jab) พุ่งไปข้างหน้าแล้วกลับมาตั้งการ์ด, การต่อยหมัดครอส (Cross) จากช่วงหัวไหล่ตรงไปข้างหน้า, หมัดยิงตรง หรือหมัดฮุค (Hook), อัปเปอร์คัท (upper cut) ต่อยหมัดเสยขึ้นจากปลายคาง, บอดี้ริบ (Body rib) หากต่อยกับคนก็คือต่อยท้อง แต่แบบนี้ถือเป็นการชกลม ซึ่งทุกครั้งจะกลับมาที่ท่าตั้งการ์ดเสมอ
ท่าบริหารร่างกายส่วนล่าง ตั้งแต่เอว ขา สะโพก ไปจนน่องและปลายเท้า โดยใช้ท่าเตะต่างๆ เช่น เตะไปข้างหน้า (Front kick), เตะข้าง (Side kick), เตะไปข้างหลัง (Back kick), เตะกวาด (Raw house kick), ตีเข่า (Front knee) ไปจนถึงการกระโดดเตะ (Jump kick)
สำหรับคุณที่มีความพร้อม อาจจะลองเรียนรู้วิธีการออกกำลังกายแบบบอดี้ คอมแบท กับครูฝึก เพื่อให้ได้วิธีการที่ถูกต้องและสนุกกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ในชั้นเรียนกันได้ แต่สำหรับคนที่ยังไม่สะดวก อาจลองนำท่าทางต่างๆ ที่เราแนะนำมาให้ดูนี้ ลองไปประยุกต์กับวิธีการเต้นแอโรบิกที่คุณคุ้นเคยดูเองที่บ้าง เพื่อบริหารตัวเอง ดีกว่าปล่อยเวลาว่างให้สูญไปโดยเปล่าประโยชน์นะคะ
ขอบคุณ: California Fitness Centers

วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2552

กวาวเครือแดง








เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ กวาวเครือแดง
กวาวเครือแดง ( Butea superba ) เป็นกวาวเครือสำหรับบุรุษเพศ โดยมีสรรพคุณไปในด้านบำรุงร่างกาย และสุขภาพให้แข็งแรง เป็นสมุนไพรอายุวัฒนะ ส่งเสริมสมรรถนะทางเพศ
สรรพคุณกวาวเครือ ในตำราแพทย์แผนโบราณ ตำราแผนโบราณได้กล่าว ถึงสรรพคุณของกวาวเครือไว้ในด้านบำรุงร่างกาย โดยรวม ทั้งกวาวเครือขาวและแดงไว้อย่างเดียวกัน ดังนี้ " คนอ่อนเพลีย ผอมแห้ง แรงน้อย นอนไม่หลับ กินไม่ได้ กินยานี้ 20-30 วัน โรคอ่อนเพลียหายสิ้น นอนหลับสบาย เดินไปมาได้ตามปกติ กวาวเครือบำรุงโลหิต บำรุงสมอง บำรุงกำลัง ชายกินแล้วนมแตกพานแข็งเหมือนเด็กหนุ่ม มีกล้าม เนื้อหนังเต่งตึง ท่านห้ามเด็กหนุ่มสาวกิน ตำผงกินกับน้ำนมวัว หัวคิดสมองปลอดโปร่ง ทรงจำตำราโหราศาสตร์ได้ถึง 3 คัมภีร์ เนื้อหนังจะนิ่มนวลดุจเด็ก 6 ขวบ อายุจะยืนถึง 3,000 กว่าปี โรคาพยาธิจะไม่มาเบียดเบียนเลย รับประทานกับน้ำข้าวที่เช็ดไว้ให้เปรี้ยว จะมีเนื้อหนังนิ่มนวลดุจเทพธิดา รับประทานกับน้ำมันเนยหรือน้ำผึ้ง จะอายุยืน ท่องโหราศาสตร์ได้ 3 คัมภีร์ รับรองมาตุคามได้ถึง พันคน รับประทานกับนมเปรี้ยว อายุยืน ผมไม่ขาว ฟันไม่หลุด เนื้อหนังไม่ย่น รับประทานกับ ตรีผลา ( มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก) จักษุที่มัวหรือมีฝ้า แลไม่เห็นก็จะเห็น แช่นมควายทาผม ผมจะงอกดี ผมขาวจะดำ ทาผมด้วยน้ำมันงา ผมจะไม่ขาว เนื้อหนังจะไม่ย่น โรคาพยาธิทุกจำพวกจะไม่มีเลย แช่น้ำนมทา คนที่เสียจักษุ โดยมีฝ้าปิด 6 เดือน จะกลับเห็นดีตามเดิม ( อ้างอิงที่ 1 )
กวาวเครือแดงกับภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย หย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นคำเรียกรวม ๆ ของกลุ่มอาการที่สมรรถภาพทางเพศผิดปกติออกไปจนทำให้ตนเอง หรือคู่ครอง ไม่ได้รับความสุขในการร่วมเพศ อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย ได้แก่ การที่อวัยวะเพศไม่แข็งตัวหรือแข็งตัวไม่นานพอ การหลั่งเร็ว การไม่ถึงจุดสุดยอด และความเจ็บปวดในขณะร่วมเพศ สาเหตุโดยทั่วไปอาจเกิดจาก ภาวะที่คู่ของตนมีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เลยพลอยทำให้ตัวเองมีปัญหาไปด้วย หรืออาจจะเกิดจากการขาดทักษะ รวมไปถึงปัญหาทางจิตใจและร่างกาย เช่น ความเครียด โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ( อ้างอิงที่ 2 ) มีรายงานข่าวเกี่ยวกับภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ พบว่า ภาวะ ไม่แข็งตัว ( อีดี หรือ Erectile Dysfunction ) เป็นข้อมูลที่ถูกถามบ่อยมากที่สุด และพบว่า ปัญหาด้านสุขภาพก็เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่มีอิทธิพลต่อการเกิด อีดี นอกจากนี้ พฤติกรรมเสี่ยง เช่นการสูบบุหรี่ ก็มีผลกระทบได้เช่นกัน โดยมีข้อมูลในข่าวระบุว่า ชายไทยวัย 40 ปีขึ้นไปกว่า 30 % มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ( อ้างอิงที่ 2, 3 ) มีงานวิจัยสนับสนุนว่า กวาวเครือแดงช่วยเรื่องระบบสืบพันธ์ในหนูทดลอง โดยมีผลวิจัยว่ามีแนวโน้มทำให้จำนวน sperm มากขึ้น ( อ้างอิงที่ 4 ) และส่งเสริมการแข็งตัวของอวัยวะเพศในหนูทดลองเพศผู้ได้จริง ( อ้างอิงที่ 5 ) และมีความปลอดภัยในระยะยาวด้วย ( อ้างอิงที่ 6, 7 ) สมุนไพรกวาวเครือแดง มีงานวิจัยในคนแล้วว่ามีความปลอดภัย และช่วยสมรรถภาพทางเพศในผู้ป่วยชายไทย ที่เป็นโรค อีดี ( อ้างอิงที่ 8 ) ปัจจุบันกวาวเครือแดงชนิดที่รับประทาน ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเป็นตำรับยาแผนโบราณ และยาแผนโบราณสามัญประจำบ้าน ถือได้ว่ามีความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อได้รับอนุญาตจาก อย ให้ขึ้นทะเบียนเป็นยาสามัญประจำบ้านด้วยแล้ว เป็นการแสดงว่า เป็นยาที่สามารถรับประทานเองได้โดยไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งจากแพทย์ และการใส่กวาวเครือแดงร่วมกับสมุนไพร เช่น ตรีผลา คือ มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก ก็มีในตำรับโบราณ ทั้งนี้ ตรีผลา ก็มีความเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย การทานร่วมกับกวาวเครือ จึงช่วยให้มีสมดุลที่ดี กวาวเครือแดง ไม่ควรรับประทานในผู้ป่วยโรคตับ และถ้าเป็นโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เอกสารอ้างอิง
1. หลวงอนุสารสุนทร. ตำรายาหัวกวาวเครือ. กรมการพิเศษ เชียงใหม่ โรงพิมพ์อุปะติพงศ์ พฤษภาคม 2474 2. กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข http://www.dmh.go.th/1667/1667view.asp?id=3663 และ http://www.dmh.go.th/sty_libnews/news/view.asp?id=777
3. กระทรวงสาธารณสุข ชายไทยอายุหลักสี่น่าเป็นห่วง 30% หย่อนสมรรถภาพทางเพศ http://www.moph.go.th/todaynews-show.php?ContentID=14677
4. Butea superba Roxb. Enhances penile erection in rats. Tocharus C, Smitasiri Y, Jeenapongsa R. Phytother Res. 2006 Jun;20(6):484-9 5. Effect of Butea superba on reproductive systems of rats. Manosroi A, Sanphet K, Saowakon S, Aritajat S, Manosroi J. Fitoterapia 2006 Sep;77(6):435-8 6. พิษเรื้อรังของกวาวเครือแดง. ปราณี ชวลิตธำรง, ทรงพล ชีวะพัฒน์, สมเกียรติ ปัญญามัง, สดุดี รัตนจรัสโรจน์, เรวดี บุตรภรณ์. ประมวลผลงานวิจัยด้านพิษวิทยาของสถาบันวิจัยสมุนไพร เล่ม 2, กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พศ.2546;215-230 7. The toxicology of Butea superba, Roxb. Pongpanparadon A, Aritajat S, Saenphet K. Southeast Asian J Trop Med Public Health. 2002;33 Suppl3:155-8 8. Clinical trial of Butea superba, an alternative herbal treatment for erectile dysfunction. Cherdshewasart W, Nimsakul N. Asian J Androl. 2003 Sep;5(3):243-6.

บทความจากhttp://giffarine.thanwarat.com/th/tip/detail.php?inputGroupID=1&id=45ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

พระอุมา (พระนางปาราวตี)











พระอุมา (พระนางปาราวตี)


ชายาของพระศิวะ(องค์พระอิศวร) เป็นเทวีแห่งอำนาจและสันติสุข ความงดงาม เมื่อในอดีต ท่านคือ พระสตี ที่เคยดับชีพตัวเองด้วยการกลั้นใจตาย แล้วได้กลับชาติมาเกิดได้เป็นพระธิดาของ พระหิมวัต และนางเมนกา(พระหิมพานต์,(พระหิมาลัย) และนางเมนา) ถิ่นกำเนิดที่เขาหิมาลัย พระนามพระองค์ท่านเป็นที่รู้จักกันในเทพทั้งหลายว่า พระอุมาเทวี ซึ่งพระองค์ท่านเป็นพระขนิษฐา (น้องสาว)ของพระแม่คงคา อีกไม่นานพระกามเทพได้ทรงแผลงศรไปยังพระอิศวร เพื่อจะให้พระองค์มีความรักต่อองค์พระอุมาเทวี เพื่อหวังว่าจะได้พระโอรสที่มีความเก่งกล้าสามารถปราบปรามพวกเหล่ามารร้าย (ท้าวตารกาสูร) เพราะตารกาสูร ได้ทำการก่อกวนและรังแกเทวดาอีกทั้งมนุษย์ให้ได้รับความเดือดร้อน ในเวลาไม่นานองค์พระอุมาเทวีทรงได้ให้กำเนิดพระโอรสกับองค์พระอิศวรขึ้นมา ทรงมีพระนามว่า พระขันทกุมาร หรือพระสกันทะ ได้เป็นเทพแห่งการสงครามและยังมีตำแหน่งเป็นพระมหาเสนาบดีในฝ่ายเทพอีกด้วย(มีสมญานามว่า พระมหาเสนาบดี) ต่อมาองค์พระอิศวรและองค์พระแม่อุมาเทวีเกิดความรักใคร่เห็นใจกัน จึงได้เป็นพระชายาองค์พระอิศวรในที่สุด นี้ก็เป็นในอีกตำราหนึ่ง ในบางตำราได้กล่าวไว้ว่า พระอิศวร ทรงสร้างพระอุมาเทวีขึ้นมาเอง ด้วยการใช้พระหัตถ์ขวา ลูบไปที่พระอุระ (หมายถึง ทรวงอก) ของพระองค์เอง ทันใดนั้นได้บังเกิดพระอุมาขึ้นมาพระแม่อุมาเทวี มีทั้งหมด 6 ถึง 7 ภาค จะมีการสนใจและบันทึกไว้ส่วนมากและกล่าวถึงเพียง 3 ภาค มีดังนี้6.1 ภาคที่ 1 พระอุมา(พระมหาเทวี) หรือ พระศรีมหาอุมาเทวี , พระบรรพตี , พระปารพตี , พระอุมาควดี นี้คือพระนามของพระองค์ในส่วนหนึ่งมีทั้งหมดเป็นร้อยพระนามในภาคนี้มีถึง 4 พระกร และมีพระวรกายสีทองอร่าม เป็นภาคที่ใจดีมีความเมตตามากที่สุด และมีความสวยงามมีเสน่ห์น่ารักเป็นที่สุด6.2 ภาคที่ 2 ภาคเจ้าแม่กาลี (และอีกพระนาม คือ กาลิกา) มีพระวรกายสีดำ มีพระกร 10 กร มีหน้าตาความดุดันน่ากลัวเป็นอย่างมาก สยายผมประป่า รูปกายกำยำ อ้วนล่ำ แข็งแรงมาก ทรงถืออาวุธครบทุกพระกร พระกรหนึ่งทรงถือดาบ อีกพระกรหนึ่งต้อนรับผู้ที่เคารพบูชา และอีกพระกรทรงประทานพระพร และอีกพระกรทรงถือหัวกระโหลกคนหรือถือหัวยักษ์ที่ได้ตัดเอามาใหม่ และอีกพระกรทรงถือตรีประฏัก และส่วนพระกรที่มีเหลืออยู่ทรงถือสิ่งของครบและอาวุธต่างๆครบทุกพระกร มีโลหิตไหลหยดสดๆเปื้อนทั้งปากและตามร่างกาย ส่วนอาภรณ์ทำด้วยมือคนที่ตัดเอามาเป็นสายสังวาล ส่วนมากนิยมวาดภาพในภาคนี้ท่ายืน เหยียบมหิงษาอสูร 6.3 ภาคทุรค(ทุรคา) มีรูปร่างหน้าตาที่น่ากลัวและน่าเกลียด ถือว่าเป็นภาคที่ดุร้ายมากอีกภาคหนึ่ง นัยน์ตาทั้ง2 ข้างโปนแดง มีสีแดงเหมือนกับเลือด ถลนออกมานอกเบ้าตา ชอบแลบลิ้นออกมายาวถึงสะดือ นมยานถึงเอว เล็บมือ เล็บเท้ายาวมากแหลมคม ส่วนผมยาวลงไปถึงตาตุ่ม ตุ้มหูที่ใช้เป็นซากศพ มีกะโหลกผีร้อยๆ ต่อกันเป็นสายสร้อยคล้องคอ อีกทั้งมีซีโครงมนุษย์ผูกต่อๆกัน เป็นเข็มขัดคาดเอว มีพระกรถึง 12 กร ทรงมีอาวุธครบทุกพระกร คือ ธนู ลูกธนู จักร โล่ ตรี หอก ปฏัก ขรรค์ ศูล ตระบอง(คทา) ระฆัง ขวาน ทรงเสื่อโคร่งเป็นพาหนะ การจัดทำพิธียันตระ กันขึ้นในบางกลุ่ม การจัดทำพิธียันตระเพื่อจะทำให้พระแม่กาลีลืมเรื่องการกินเลือด ฆ่าคนและการลืมที่จะเห็นเลือดในคนตาย ให้เพลิดเพลินในการบูชายัญต่อองค์เจ้าแม่กาลี ได้จัดพิธีบูชายัญอยู่บ่อยๆ บางกลุ่มที่นับถือพระแม่กาลีจะกรีดเลือดของตัวเอง เพื่อจะเป็นการเซ่นสังเวยต่อองค์พระแม่กาลี เพื่อเป็นการเคารพบูชาต่อพระแม่กาลี ในภาคพระแม่กาลีท่านทรงโปรดปรานเลือดสดมากที่สุด ชอบเห็นคนตาย เป็นต้น

พระคเนศ (พระพิฆเนศวร)




พระคเนศ (พระพิฆเนศวร)

พระโอรสของพระศิวะ(พระอิศวร)กับพระนางอุมา เป็นเทพแห่งปราชญ์ ความรอบรู้ต่างๆ และความบันเทิง พระศิวะ(พระอิศวร) กับพระนางอุมา ซึ่งได้ทรงขอมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก พระพิฆเนศวร หรือ พระพิฆเณศร์ ท่านมีพระวรกายเป็นสีแดง มี 4 กร ทรงถือเทพศาสตราที่องค์พระอิศวรประทานมาให้ครบทุกพระกร รูปร่างอ้วนเตี้ยเหมือนมนุษย์ มีเศียรเป็นช้าง พาหนะที่องค์พระพิฆเนศวรทรงใช้ คือ หนู และมีหนูเป็นทั้งบริวาร ตามจริงแล้ว พระพิฆเนศวรเป็นโอรสที่แท้จริงขององค์พระลักษมีกับองค์พระนารายณ์ เมื่อสมัยที่พระอุมายังไม่มีพระโอรสและทรงได้เสด็จไปเยี่ยมพระลักษมีและพระนารายณ์ เมื่อพระอุมาเทวีทรงเห็นพระพิฆเนศวรมีรูปร่างหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู เลยทรงขอมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ต่อมาพระอิศวรได้ประทานพระนามให้ว่าพระพิฆเนศวร พระอิศวรและพระอุมาเทวีทรงให้ความรักอบรมวิชาความรู้วิชาอาคมต่างๆ ให้ มีความเก่งกล้าสามารถเป็นที่รู้จักกันไปทั่วทั้งสามภพนี้ว่า พระพิฆเนศวรเป็นพระโอรสของพระอิศวรและพระอุมาเทวี เป็นเรื่องราวของพระพิฆเนศวรที่มีในบางตำรา และยังมีอีกหลายตำราที่กล่าวถึงการกำเนิด พระพิฆเนศวรซึ่งมีเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป
เราจะมากล่าวถึงการกำเนิด พระพิฆเนศวรจากพระคัมภีร์ศิวปุราณะ ซึ่งกล่าวไว้ดังนี้ ทรงมีพระพักตร์เป็นช้าง และทรงมีพระบาทเหมือนดอกบัว อาหารที่พระองค์ทรงชอบ คือ ผลมะขวิดและลูกหว้า เหล่าหมู่ภูตทั้งหลาย คอยถวายการรับใช้ในพระองค์ท่าน พระพิฆเนศวรผู้ทรงทำลายความทุกข์โศก ทรงมีอำนาจเหนืออุปสรรคเป็นเทพแห่งความสำเร็จ ชาวอินเดียส่วนมากจะรู้จักพระองค์ใน พระนามว่า คเณศ แปลว่า นายของหมู่คณะเป็นบริวารรับใช้ของพระศิวะ และ พระนามที่สำคัญ คือ พระพิฆเนศวร หมายถึง เทพเจ้าผู้มีอำนาจเหนืออุปสรรค
การกำเนิดพระคเณศ เมื่อครั้งพระปารวตีซึ่งเป็นชายาของพระศิวะ ขณะนั้นได้ทรงสรงน้ำ พระศิวะได้เสด็จมายังที่ประทับของพระนางปารวตีพอดี ซึ่งเป็นเวลาอันไม่สมควร พระนางได้ทรงคิดสร้างคนรับใช้ไว้คอยเฝ้าดูแลพระองค์เองทุกเวลา เมื่อคิดดังนั้นพระนางทรงใช้ขี้ไคลจากสรีระสร้างบุคคลที่มีความเก่งกล้า มีความสามารถเพียบพร้อมไปด้วยลักษณะที่ดี มีรูปร่างใหญ่สง่างาม และได้มอบกระบองไว้เป็นอาวุธพร้อมเครื่องประดับต่างๆ พระนางทรงถือว่าเป็นพระโอรสพระองค์หนึ่ง เพราะได้สร้างขึ้นมาจากพระองค์เอง พระนางปารวตีได้สั่งการให้ทำหน้าที่คอยเฝ้าประตูห้ามใครเข้าไปพบพระนางเด็ดขาด หากพระนางไม่ได้อนุญาต เมื่อในขณะนั้นพระศิวะได้ทรงเสด็จมาถึงและมีความประสงค์จะเสด็จเข้าไปข้างใน พระนางปารวตีกำลังสรงน้ำอยู่ พระโอรสพระนางปารวตีไม่รู้จักพระศิวะ ได้ใช้กระบองตีขับไล่พระศิวะให้ออกไปจากที่นั้น ถึงแม้ว่าพระศิวจะบอกกล่าวว่าพระองค์เป็นพระสวามีของพระนางปารวตี ก็มิได้ฟังเลย ยังได้ใช้กระบองไล่ตีไม่ยอมหยุด พระศิวะทรงพระพิโรธจึงให้พวกเหล่าคณะสอบถามว่าเด็กคนนี้เป็นใคร เมื่อพวกเหล่าคณะถาม พระโอรสของพระนางปารวตีทรงเล่าความเป็นมาของตนเองทั้งหมด แม้พวกเหล่าคณะจะขอให้หลีกทางออกจากประตูไปพระโอรสก็มิทรงยอม แถมยังด่าว่า พวกเหล่าคณะ พวกเหล่าคณะจึงได้กลับไปทูลพระศิวะ เมื่อได้ยินดังนั้น พระองค์ยิ่งทรงพระพิโรธ จึงสั่งให้พวกคณะใช้กำลังขับไล่พระโอรสของพระนางปารวตีออกไป เมื่อพวกเหล่าคณะของพระศิวะและพระโอรสของพระนางปารวตีได้เกิดโต้เถียงท้าทายกันเสียงดังไปถึงพระกรรณของพระนางปารวตี พระนางได้สั่งให้เหล่าบริวารไปดูว่าเกิดอะไร เมื่อทราบเรื่องพระนางจึงสั่งให้พระโอรสป้องกันไม่ให้พวกเหล่าคณะเข้ามาข้างในได้ หลังจากที่ตกลงกันด้วยสันติไม่เกิดผล การต่อสู้กันจึงเกิดขึ้น แต่เหล่าคณะสู้ไม่ได้จึงได้หนีกลับไปหาพระศิวะ
พระศิวะจึงทรงสั่งการให้พวกเหล่าเทวดาที่มีพระอินทร์เป็นหัวหน้าอีกทั้งพระสกันทะเป็นแม่ทัพของพวกเหล่าเทวดาให้ไปสู้รบกับพระโอรสของพระนางปารวตี พระนางปราวตีได้สร้างศักติขึ้นมา 2 พระองค์ คือ เทพสตรีทรงมีพลังอำนาจมาก เพื่อมาช่วยพระโอรสของพระนางในการสู้รบ เมื่อพวกเหล่าเทวดาและหมู่เหล่าคณะแพ้พ่ายต่อพระโอรสและศักติทั้ง 2 พระองค์ เหล่าเทวดาและหมู่เหล่าคณะจึงได้มากราบทูลขอให้พระศิวะสังหารพระโอรสของพระนางปราวตี พระศิวะได้ทรงขอความร่วมมือจากพระวิษณุในการสังหารพระโอรสของพระนางปราวตี พระวิษณุทรงได้ใช้อุบายกลลวง พระศิวะจึงสามารถใช้ตรีศูลตัดเศียรพระโอรสของพระนางปารวตี พระนางทรงพิโรธเมื่อเห็นพระโอรสถูกสังหาร ได้ทรงสร้างเหล่าศักติขึ้นมานับร้อยๆ องค์ เพื่อมาสังหารเหล่าเทวดาและหมู่เหล่าคณะ เมื่อเหล่าเทวดาและหมู่เหล่าคณะรู้สึกถึงว่าพระนางปราวตีกำลังจะทำให้เกิดยุคประลัยเกิดขึ้น จึงได้ปรึกษากันและลงความเห็นว่าต้องทำให้พระนางปารวตีหายพิโรธให้ได้
พระศิวะได้สั่งการให้เหล่าเทวดาเดินทางไปทิศเหนือ เมื่อพบบุคคลแรกก็ให้ตัดศีรษะของคนนั้นมาสรวมแทนศีรษะของพระโอรส เหล่าเทวดาได้ทำตามพระบัญชา ได้เดินทางไปทิศเหนือได้พบช้างมีงาเดียวจึงได้ตัดศีรษะช้างมาสรวมแทนที่ศีรษะของพระโอรสของพระนางปารวตี ต่อจากนั้นพระศิวะได้ชุบชีวิตให้พระโอรสและพาไปพบพระนางปารวตี พระนางทรงดีพระทัยมากได้ประทานพร ให้แก่พระโอรส คือ ความสำเร็จและต้องได้รับการบูชาก่อนองค์เทพองค์อื่นๆ พระศิวะได้รับพระโอรสของพระนางปารวตีเป็นพระโอรสของพระองค์ด้วยแล้วประทานพรให้เป็นผู้ขจัดอุปสรรคทั้งปวงและให้เป็นเทพต้องได้รับการบูชาก่อนเทพองค์อื่น ถ้าหากบูชาเทพองค์อื่นก่อนไม่ว่าในพีธีใดๆ พิธีนั้น จะไม่สามารถมีผลอะไรทั้งสิ้น เมื่อประทานพรแล้ว พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหมาและเทพองค์อื่นๆ ได้บูชาพระโอรส จากนั้นพระศิวะได้แต่งตั้งให้พระโอรสเป็นหัวหน้าหมู่เหล่าคณะ เพราะด้วยพระโอรสเกิดในวันแรม 4 ค่ำ เดือนภาทรฺ คือ เดือน 9 ได้คาบเกี่ยวระหว่างเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายน การทำพิธีบูชาพระคเณศ ในการบูชาที่จะให้เกิดผลสำเร็จได้ทุกอย่าง จะต้องเริ่มบูชาที่วันนี้ และในวันนี้ถือได้ว่าเป็นวันสำคัญทางพระศาสนาของชาวฮนดู เรียกว่า คเณศจตุรถี ก็เป็นอีกพระคัมภีร์หนึ่งในตำนานได้ยกเป็นตัวอย่างมาให้ท่านได้ศึกษาและยังมีบทสวดบูชาพระคเณศเพื่อบูชากันได้เป็นประจำทุกวัน ดังนี้
บทสวดบูชาพระคเณศ
ปฺราตะ สฺมรามิ คณนาถมนาถพนฺธํ สินฺทูร ปูร ปริโศภิต คณฺฑ ยุคฺมมฺ อุทฺทณฺฑ วิฆฺน ปริขณฺฑน จณุฑทณฺฑ มาขณฺฑลาทิ สุรยายก วฺฤนฺท วนฺทฺยมฺ
(ในตอนเช้า) ข้าพเจ้าระลึกถึงพระคเณศ ผู้เป็นญาติของคนไร้ที่พึ่ง ผู้มีผงสินทูระสีแดงทาไว้ที่แก้มทั้งสองข้าง ผู้ใช้การลงทัณฑ์อย่างโหดเหี้ยม คือ ใช้กระบองที่ยกขึ้นสูงบดขยี้อุปสรรคทั้งหลาย ผู้ที่หมู่เทพเทวดา พระอินทร์ ก็ต้องกราบไหว้บูชา
ปฺราตรฺ นมามิ จตุรานน วนฺทฺยมาน มิจฺฉานุกูลมขิลํ จ วรํ ททานมฺ ตุนฺทิลํ ทุวิรสนาธิป ยชฺญ สูตฺรํ ปุตฺรํ วิลาสจตุรํ ศิวโยะ ศิวาย (ในตอนเช้า) บูชาเพื่อความปลอดโปรงจากภัยอันตรายทั้งหลาย ข้าพเจ้าไหว้บูชาพระคเณศโอรสของพระศิวะ และ พระปารวตี ที่พระพรหมต้องไหว้ ผู้เอื้ออำนวยชัยได้สิ่งที่ปรารถนา ผู้ประทานสิ่งที่ขอทุกอย่าง ผู้มีพระอุทรพลุ้ย มีพระยางูเป็นสายอุปวีตะ ผู้เชี่ยวชาญในการเล่นสนุก
ปฺราตรฺ ภชามฺยภยทํ ขลุ ภกฺตโศก ทาวานลํ คณวิภํ วรกุญฺชราสฺยมฺ อชฺญาน กานน วินาศน หฺวย วาห มุตฺสาห วรฺธนมหํ สุตมีศฺวรสฺย (ในตอนเช้า) ข้าพเจ้าไหว้พระคเณศ ผู้ประทานความไม่กลัว ซึ่งแท้จริงแล้ว คือ ไฟป่าที่เผาความทุกข์โศกของผู้เคารพนับถือพระองค์ ผู้เป็นนายของหมู่เหล่าคณะ ผู้มีพระพักตร์เป็นช้างที่งดงาม ผู้ที่เป็นไฟเผาป่า คือ ความไม่รู้จริงในสิ่งทั้งหลายในโลก ผู้เพิ่มความฮึกเหิมในใจให้แก่ผู้มีความเคารพนับถือผู้เป็นโอรสของพระศิวะ
โศฺลก ตฺรยมิทํ ปุณฺยํ สทา สามฺราชฺย ทายกมฺ ปฺราตรุตฺถาย สตตํ ยะ ปเฐตฺ ปฺรยตะ ปุมานฺ บทสวดมนต์อันศักดิ์สิทธิ์สามบทนี้ จะทำให้เกิดความสุขอย่างที่พระเจ้าจักรพรรดิได้รับ แก่ผู้สวดมนต์เสมอ ถ้าผู้ใดได้สำรวมจิตใจ แล้วสวด เป็นประจำทุกวันหลังจากลุกขึ้นในตอนเช้า จะทำให้เกิดความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป

พระขันธกุมาร





พระขันธกุมาร
พระโอรสของพระศิวะกับพระนางอุมา เป็นเทพแห่งสงคราม เข้มแข็ง กล้าหาญ
พระขันธกุมาร พระโอรสของพระศิวะ(พระอิศวร)กับพระนางอุมา เป็นเทพแห่งสงคราม เข้มแข็ง กล้าหาญ พระองค์ทรงมีพระวรกายสีขาวนวลๆ งดงามสง่า มีถึง 6 เศียร มี 12 พระกร ทรงมีอาวุธครบถ้วนทั้ง 12 อย่าง ทรงมีพาหนะประจำพระองค์ คือ นกยูง เมื่อกามเทพได้ทรงแผลงศรไปยังพระอิศวร เพื่อจะให้พระองค์มีความรักต่อองค์พระอุมาเทวี เพื่อหวังว่าจะได้พระโอรสที่มีความเก่งกล้าสามารถปราบปรามพวกเหล่ามารร้าย (ท้าวตารกาสูร) เพราะตารกาสูร(ยักษ์) ได้ทำการก่อกวนและรังแกเทวดาอีกทั้งมนุษย์ให้ได้รับความเดือดร้อน ในเวลาไม่นานองค์พระอุมาเทวีทรงได้ให้กำเนิดพระโอรสกับองค์พระอิศวรขึ้นมา ทรงมีพระนามว่า พระขันทกุมาร หรือพระสกันทะ เมื่อต่อมาได้ทำการปราบอสูรยักษ์ ตารกาสูร ได้สมความตั้งจิตขององค์กามเทพไว้ได้ จึงได้รับคำยกย่องเป็นเทพแห่งการสงครามและยังมีตำแหน่งเป็นพระมหาเสนาบดีในฝ่ายเทพอีกด้วย(มีสมญานามว่า พระมหาเสนาบดี) ในบางพระคัมภีร์ ยังได้กล่าวไว้ว่า องค์พระอิศวรทรงฆ่ายักษ์ตารากาสูรด้วยการเปิดตาที่ 3 จนร่างยักษ์ตารากาสูร ถูกไฟประลัยกัลป์มอดไหม้กลายเป็นธุลีไป